เมื่อชีวิตเราเหมือนรถไฟเหาะ
- WiNutcha
- Feb 13
- 1 min read
Updated: Jul 8
หลังจากที่ได้ทำธุรกิจรีสอร์ทแบบลองสนามขนาดเล็กๆ จำนวน 8 ห้อง เราก็พร้อมที่จะเติบโตขึ้น มีปัจจัย 2 อย่าง
ที่ทำอยู่ไม่สามารถโตต่อได้และมีปัญหาเรื่องการก่อสร้างของเพื่อนบ้านที่ดูท่าทางจะไม่จบง่ายๆ ทำให้เรามีปัญหากับทางลูกค้าที่มาพักอาศัย
พวกเราต้องการที่จะเติบโตในแง่ของรายได้ และเรารู้ว่าศักยภาพของเราสามารถไปต่อกับรีสอร์ทที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ด้วยแนวคิดของสามีที่สามารถตอบโจทย์ให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาเที่ยวเกาะพะงัน และการดูแลเอาใจใส่ในงานบริการของเราแบบคนไทย ที่สร้างความประทับใจทำให้เกิดประสบการณ์ที่ดีให้เค้านำกลับบ้านไป
ดังนั้นมันถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ และความมุ่งมั่นในการค้นหาของสามี ก็ทำให้เราได้ทำ Zama Resort เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2018 ซึ่งกิจการก็เติบโตไปด้วยดี เพราะเรานำเอาประสบการณ์ที่เราทำที่เก่ามาใช้ แค่มีห้องมากขึ้น ทั้งหมด 23 ห้อง รวมทั้งมีร้านอาหาร ที่ถือว่าเป็นกิจการที่สร้างความท้าทายให้กับสามีมากๆ ในช่วง 1-2 ปีแรกวิณัชชาจะไม่ค่อยเข้าไปยุ่งกับการบริหารมากนัก เพราะเราอยากให้สามีบริหารเองและดูแลลูกน้องด้วยตัวเอง อาจจะเพราะช่วงที่เราทำด้วยกันแรกๆ เรามีปัญหาทะเลาะกันเรื่องทัศนคติในการทำงานในการบริหารคนที่ไม่เหมือนกัน ทำให้เราเกิดปากเสียงบ่อย แต่ทางสามีเค้าไม่ค่อยคิดมาก หรือเค้าคิดไม่ถึง เค้าก็เลยไม่ได้คิดว่ามันอาจจะสร้างปัญหาในชีวิตคู่ได้
ซึ่งเราเป็นผู้หญิงที่ถ้าไม่พอใจ เราจะพูดเลย เราจะไม่ทน เพราะมีความมั่นใจและพึ่งพาตัวเองได้สูง เราก็เลยไม่อยากจะไปปะทะกับเค้าในทุกๆ วัน
และอีกอย่างเราเรียนรู้ว่าถ้ามีเจ้านายมากกว่า 2 คนขึ้นไป มันจะสร้างปัญหาในเรื่องการสื่อสาร เพราะสามีก็จะมีความคิดว่าเราใช่ไหมที่เป็นคนอนุญาตให้พนักงานทำอะไรตามใจตัวเอง ทั้งที่เราก็ยังไม่ทราบเรื่องราว พอมันโดนถามแบบนี้บ่อยๆ เราก็รำคาญ ก็เลยใช้วิธีนี้ในการเลี่ยงปัญหาการทะเลาะกัน ทำงานร่วมกันแบบสามีภรรยา ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เจอกัน 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์เป็นปี ๆ จะไม่มีทะเลาะกันเป็นไปไม่ได้ ก็ยังงงๆ ว่าเราสองคนอดทนมาได้ยังไง 555
พอเข้าปี 2019 ทุกอย่างก็กำลังไปได้ดีในเรื่องรายได้ เพราะมีลูกค้าเข้าพักตลอด แต่ก็จะมีเรื่องพนักงานที่ยังมีปัญหา ยังไม่นิ่ง ซึ่งตรงนี้เราก็เข้าใจเพราะมันเป็นปัญหาที่เกิดตลอดทุกที่ เรื่องการบริหารคนเป็นงานที่ยากสุดแล้ว เราก็ค่อยๆ ปรับ ค่อย ๆ จูนกันไป
ปี 2020 ทิศทางทุกอย่างไปได้ดี ช่วงต้นปีเรามีลูกค้าเข้าเต็มไปจนถึง เมษายน แต่เพื่อนๆ เห็นเลข 2020 ไหม รู้ใช่ไหมอะไรเกิดขึ้น Covid 19 ไงหละ แม่เจ้าตอนแรกเราก็คิดว่ามันคงเป็นโรคระบาดที่สักพักก็จัดการควบคุมได้ อีกอย่างรัฐบาลมาประกาศให้นักท่องเที่ยวหยุดการเดินทางทั่วประเทศ รวมทั้งให้รีสอร์ทปิดชั่วคราวไปก่อน ซึ่งตอนแรกเราก็คิดว่ามันช่วงเมษายน เป็นช่วงหน้าโลว์ของเกาะพอดี ถือว่าได้พักสักเดือนสองเดือนหละกัน
แต่ๆ มันไม่ใช่แบบนั้นมันยาวไปเลยจ้ะ ไม่เห็นแสงสว่างใดๆ ที่ปลายอุโมงค์ ค่าเช่าก็จ่ายไปแล้วเมื่อต้นปีส่วนที่เหลือก็ยังไม่มีรู้ชะตาชีวิต โชคดีที่เราสามารถปรับตัวโดยได้รายได้จากการให้เช่ารายเดือนแทน และต้องปลดพนักงานออกจากมี 20 กว่าคนเหลือ 4 คนเพื่อจะต้องมาดูแลรีสอร์ทไม่ได้เก่าโทรม และต้องมีแม่บ้านไว้ทำความสะอาดห้องตลอด แต่อย่าไปคิดเรื่องเงินเลยได้มาเอามาจ่ายค่าลูกน้อง น้ำไฟเล็กๆ น้อย ก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย ผ่านเข้าปี 2021 ก็ยังไม่มีวี่แวว เราก็ใจตุ้ม ๆ ต่อมๆ ว่าชีวิตพวกเราจะไปทางไหนดี และก็เกิดเหตุการณ์ร้ายๆ เข้ามาในชีวิตมากมาย ทั้งเรื่องโดนโกงจากบัญชีที่เราจ้าง เรือสามีล่ม แมวที่เลี้ยงเสียชีวิต วิณัชชาตกบันไดกระดูกเท้าแตกต้องเข้าเฝือก โดนหลอกจากเรื่องเว็บไซต์ลูกโซ่ รวมๆ แล้วเสียเงินไปเป็นล้าน
สามีบอกฉันจะย้ายประเทศ ไม่อยู่แล้วไทย ไปเม็กซิโกดีกว่า ไม่มีการกักตัว ยอมเสี่ยงชีวิตดีกว่าอดตาย แต่เราก็พ้นมาได้ เพราะรัฐบาลประกาศเปิดประเทศสิ้นปี 2021 เราก็ได้ต่อลมหายใจอีกเฮือก ตอนนั้นบอกสามีเราต้องมาเริ่มต้นกันใหม่เรามาสู้กันอีกรอบอะไรจะเกิดก็สู้ให้ถึงที่สุด ตอนนั้นวิณัชชากับสามีก็เริ่มต้นกันอีกรอบ กระดูกเท้าพึ่งกลับมาติดสนิทก็เดินกันจนเท้าบวม ก็คิดว่าไม่เป็นไรเราไม่ติดโควิทไม่เคยนอนซม เราจะสู้อีกครั้ง คิดว่าเมื่อมีโอกาสมีลมหายใจ ฉันจะทำทุกวันให้ดีที่สุด แต่เชื่อไหมที่น่าตลกคือ พอเปิดประเทศได้แค่ไม่ถึง 1 -2 เดือนก็เกิดเรื่อง cluster อีก และเราก็มีจองมาถึงแค่วันที่ 2 มกราคม 2022 ตอนนั้นสามีบอกเราก็คงต้องกลับไปทำแบบรายเดือนไหม เราบอกไม่เอารายวันเท่านั้น เพราะเราเชื่อว่ามันก็ต้องมีนักท่องเที่ยวตกค้างอยู่ในไทยนี้แหละ และปี 2022 เกาะพะงันบูมเฉย คนมาเที่ยวเยอะมากๆ และมากๆ จนถึงเมื่อต้นปีที่ผ่านมา กลายเป็นว่าเรากลับมายืนได้อีกครั้ง แต่การยืนครั้งนี้ก็ต้องใช้สติมากขึ้น เราจะไม่ลงทุนกับอะไรที่เราไม่มีความรู้ เราจะไม่โลภอยากได้เงินเยอะๆ เราจะรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพราะกายและใจที่แข็งแรงและแข็งแกร่งจะเป็นตัวดึงเงินมาหาเราเอง
เรากับสามีก็ผ่านช่วงเวลาที่ลำบากมา เราก็ยังรักกันอยู่เคียงข้างกัน ถึงจะมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง เพราะสามีเราเค้าเป็นคนที่ไม่เก็บอารมณ์ถ้าเค้าโมโหมาที่บ้าน (ส่วนมากฝรั่งเป็นกันเยอะ ควบคุมอารมณ์กันไม่เป็นมั้ง 555) แต่ไม่เคยทำร้ายร่างกายเรานะ เป็นคนพกอารมณ์โกรธกลับมาบ้านและก็จะวีนๆ แล้วเราไม่ชอบ เราไม่อยากอยู่กับคนที่คุมอารมณ์ตัวเองไมได้ เพราะจะกลายเป็นคนไม่มีสติ โมโหร้าย คิดดูซิว่า ถ้าเค้าอายุ 70 ปีแล้วเป็นตาแก่ขี้วีน มันดูดีไหมอ้ะ
เราก็เลยบอกเค้าไปว่า ถ้าไม่รู้จักสงบสติอารมณ์ปีหน้า ฉันจะขอหย่า และฉันจะโทรไปหาแม่เธอ ขอแม่เธอเป็นลูกสาวบุญธรรม เพราะแม่เธอก็รักฉันเหมือนลูก แล้วคอยดูปีหน้าฉันจะเป็นพี่สาวบุญธรรมของเธอ สามีเค้ารู้นะว่าเราเอาจริง เค้าก็เลยไปหาอ่านบทความการควบคุมตัวเอง 5555
แต่กลายเป็นเรานี้แหละที่ติดนิสัยขี้วีนมาจากเค้า เวลาเค้าทำอะไรไม่พอใจ ดิฉันเสียงดังแว้ดใส่ก่อนเลยจ้ะ
Comments