ไปอยู่ในที่ๆ ใช่ เราจะทรงพลัง
- WiNutcha
- Feb 14
- 1 min read
Updated: Jun 27
เกิดมาก็ไม่เคยคิดเคยฝันหรอกว่าจะได้มาใช้ชีวิตเป็นสาวชาวเกาะพะงัน แต่ตอนเด็กๆ มีความฝันที่สร้างไว้ในหัวไว้ว่า อยากไปอยู่เกาะที่มีน้ำทะเลล้อมรอบ เห็นท้องฟ้าสดใส เห็นต้นมะพร้าว และก็อากาศร้อนๆ เพราะเป็นคนไม่ชอบอากาศเย็น
คิดไว้ให้เป็นภาพในหัวเหมือนที่เค้าเรียกว่าทำ Vision Board แต่ไม่ได้สร้างภาพให้เห็นแบบจริงๆ จัง ๆ แต่อยู่ในหัวจิตหัวใจตลอด จนได้มีโอกาสมาเที่ยวเกาะเต่า และเกาะพะงัน ก็หมายมั่นปั้นมือไว้เลยว่าจะต้องย้ายมาอยู่เกาะพะงันนี้ให้ได้ เพราะมันโดนใจอย่างแรง
แต่การที่จะย้ายมาอยู่เกาะพะงันมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ตอนนั้นอายุ 31 ปี ทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ -ปริมณฑลมาตลอด และเป็นลูกสาวคนโตของที่บ้าน ถ้าทำงานดีๆ ก็ได้เงินเดือนไม่น้อยกว่าหลัก 30K-40K เพราะเราทำงานติดต่อลูกค้าต่างประเทศ และถ้ายิ่งทำตามโรงงานก็มีแต้มต่อมากกว่าคนอื่นๆ เพราะได้ภาษาอังกฤษมันเป็นใบเบิกทางสร้างโอกาสให้เราจริงๆ
คนเราถึงจะชอบทำงานขนาดไหน แต่สภาพแวดล้อมที่เราอยู่มันไม่ใช่แนว ถึงจะได้เงินเดือนดีแค่ไหนก็ไม่มีความสุข ชีวิตวิณัชชาตอนนั้นก็สุด ๆ ชอบเที่ยวกลางคืน เงินเดือนก็เดือนชนเดือนเลยจ้ะ และที่เบื่อสุด ๆ ก็คือปัญหารถติด มันเป็นการใช้เวลาได้สิ้นเปลืองมากๆ ในความรู้สึกเรา และยิ่งเราเป็นคนทำงานแถวสมุทรปราการ แต่ชอบเที่ยวแถวสีลม สุขุมวิท ข้าวสาร เงินไม่เคยเหลือ เพราะเงินหมดไปกับค่าแท็กซี่ รู้สึกว่าชีวิตตอนนั้นก็คล้ายๆ จะเป็น Lost Girl in the City
ยิ่งลักษณะนิสัยความคิดความอ่านของวิณัชชาสมัย 20 กว่าปีที่แล้ว คือมั่นใจมาก I don't care แบบ I don't care จริงๆ นะ ไม่ได้พูดให้ดูเก๋ หรือดูเท่ห์อะไร ไม่สนใจใครจ้ะ ทำงานก็สนใจแต่คนที่ให้เงินเดือน เพื่อนร่วมงานหรอถ้าไม่ให้ความร่วมมือในการทำงานหรอ ก็อย่าหวังว่าฉันจะเป็นเพื่อนหลังเลิกงานนะคะ บ๊าย
ผู้ชายหรอ เปลี่ยนง่ายยังกับใช้กระดาษทิชชู่ มันเลยทำให้คนมองเราเป็นผู้หญิงปาร์ตี้ ไร้สาระใช้ชีวิตไปวันๆ ยิ่งเงินเดือนไม่พอใช้อีก อายุ 31 แล้วยังไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง รถสักคันไหม บ้านหละ แฟนเอาไหม หรือจะแต่งงาน ไม่มีอะไรแบบนี้เลยค่ะ
แต่ใครจะแคร์ เพราะวิณัชชารู้ค่ะว่าตัวเองต้องการอะไร แค่ขอให้ได้ไปอยู่ในที่ๆ เราอยากอยู่จริงๆ เรามีวิชาความรู้ติดตัว ไม่มีใครขโมยไปได้ เรามันเด็กบ้านนอก อึดถึกทน เพราะตอนเด็กๆ ก็ต้องรับผิดชอบงานบ้านด้วยตัวเองตั้งแต่เล็กๆ เราก็เลยสามารถดูแลตัวเองได้ เท้าติดดินตลอดค่ะ
ตอนนั้น วิณัชชาคิดอย่างเดียวว่า ในเมื่อเจอเกาะพะงันที่เรามีความรู้สึกว่ามันต้องใช่ที่ของเราซิ แต่สุดท้าย มันก็ต้องลองพิสูจน์ เพราะการมาเที่ยวพักร้อนมันไม่เหมือนกับการย้ายมาอยู่เลย ตอนนั้นคิดว่าเราต้องลองดู แต่กว่าจะได้ย้ายมาก็ใช้เวลา 1 ปีที่ต้องลาออกจากงาน หางานพาร์ทไทม์ทำ เช่น งานเสริฟ์ งานรับออเดอร์อาหาร ที่เลือกทำแบบนั้น เพราะอยากมีประสบการณ์ อยากรู้ว่าตัวเองจากคนทำงานออฟฟิศ แต่งหน้าทาปาก ใส่รองเท้าส้นสูง มาทำงานที่เราต้องมาคอยบริการคนอื่นๆ เราจะทำได้ไหม และเราก็ทำได้ ก็เลยสร้างความมั่นใจให้ตัวเองขึ้นมานิดนึง
แต่การมาที่เกาะไม่ได้ง่ายเลยนะ เพราะเราเป็นลูกสาวคนโตที่พ่อเป็นห่วงมาก เราก็เลยต้องใช้วิธี หนูอยากมาสร้างครอบครัวค่ะพ่อ ก็เลยต้องหาผู้ชายสักคนมาเป็นสะพานให้เราข้ามมาได้ วิณัชชาคบกับคนโปแลนด์ระหว่างที่กำลังจะมาอยู่เกาะ เพราะเค้านี้แหละที่พาเรามาเที่ยวเกาะเต่า เกาะพะงันแต่เราก็รู้แหละว่าคงไปไม่รอด เพราะอายุก็อ่อนกว่าวิณัชชา 6 ปี ความคิดทัศนคติตรงกันข้ามกันหมด ทะเลาะกันบ่อย จนเรารู้อยู่แล้วว่ามาอยู่เกาะยังไงก็ต้องเลิก แค่ขอให้เธอพาฉันออกจากเกราะป้องกันของพ่อฉันเถอะ เดี๋ยวฉันก็จะแสดงความสามารถที่ตัวเองมี เพราะฉันรู้ว่าฉันเอาตัวรอดได้
แล้ววิก็ย้ายมาอยู่เกาะ เดือนพฤษภาคม 2013 มันคือการเริ่มต้นชีวิตที่แท้จริงของวิณัชชาจริงๆ แต่ก็บอกตัวเองไว้แล้ว ถึงจะมั่นใจขนาดไหน จะให้เวลาตัวเองแค่ 1 ปี ทำให้ดีที่สุดเหมือนที่เราทำมาตลอด แต่ถ้าไปไม่รอดก็จะกลับกรุงเทพฯ เพราะถ้ากลับไปหางานทำก็ยังได้ เพราะอายุยังไม่เกิน 35 ปี คนเราสิ่งที่คิด กับสิ่งที่ได้อาจจะไม่ตรงกัน ดังนั้นเราก็ต้องมีการคิดไว้บ้าง ถ้ามันไม่ได้ดั่งที่ใจเราหวัง เราก็ยังมีอีกแผนรองรับชีวิตเราไว้
คนเรานะคะ ถ้าเรารู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ไม่หลอกตัวเอง ชีวิตมันจะง่ายขึ้น วิณัชชา รู้ว่า เกาะพะงันนี้แหละคือบ้าน คือที่ๆ จะทำให้วิณัชชา ได้ทุกสิ่งที่ใจต้องการ ขอแค่ทำด้วยความตั้งใจ จริงใจ อ่อนน้อมถ่อมตน ซื่อสัตย์ ถึงเราจะเป็นคนแปลกหน้าต่างถิ่น แต่เชื่อเถอะ วันที่เราสำเร็จมันมีจริงๆ
แต่กว่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างที่ใจปรารถนา ก็ผ่านเรื่องราวมากมาย รอติดตามกันต่อไปนะคะ
Comments