top of page

เมื่อชีวิตเริ่มต้นตอน 30++

  • Writer: WiNutcha
    WiNutcha
  • Feb 13
  • 1 min read

Updated: Jul 1

หลังจากหอบผ้าหอบความฝันและอนาคตที่วาดไว้มายังเกาะพะงัน เกาะที่ใครๆ ก็ต้องหลงเสน่ห์ เหมือนมีมนตราสะกดจิตสะกดใจเรา ถ้าจะนั่งชมพระอาทิตย์ตกดิน ขับรถชมวิวดูต้นมะพร้าวไปทุกๆ วันก็คงไม่ไหว คนเราก็ต้องกินต้องใช้ เราก็ต้องทำงานซิคะจะรออะไร


มาตั้งหลักปักฐานที่เกาะพะงัน วิณัชชาก็เริ่มมองหางานเพื่อเลี้ยงตัวเองให้อยู่รอด จะไม่กลับแล้วบางกอกเมืองฟ้าอมร ตอนนั้นคิดว่าให้ทำงานอะไรก็ได้นะ ไม่เกี่ยง ขอให้เค้ารับเราทำงานก็พอ และงานที่หาได้ง่ายสุดก็คือ งานต้อนรับ เพราะเกาะพะงันเป็นเกาะแห่งการท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวกันทั้งปี เราก็เลยสมัคร แต่เราไม่เคยผ่านงานโรงแรมมาก่อน เจ้าของกิจการก็อาจจะสองจิตสองใจว่าจะรับเราเข้าทำงานดีไหม เราก็ทำได้แค่พูดความจริงไปว่า ให้รับเราทำงานสัก 1 เดือนถ้าเห็นว่าไม่ไหวก็ให้ออกก็ได้ แต่เราเชื่อว่าเราผ่านการทำงานมาอย่างโชกโชน มีประสบการณ์ในการทำงานกับคนต่างชาติ เราก็พอจะรู้สไตล์ว่าคนต่างชาติชอบความจริงจัง ถ้าตั้งใจเรียนรู้เราก็ต้องทำได้ แต่เงินเดือนที่ได้รับก็แทบจะน้ำตาไหล ได้ที่ 15,000 บาท ต่อเดือน ขอต่อรองว่าให้สัก 18,000 บาท ต่อเดือนเถอะ เพราะค่าเช่าบ้านก็จะเกินครึ่งหนึ่งของเงินเดือนแล้ว T-T จากเคยได้เงินเดือน 40,000 บาท มันก็มีความช็อก แต่เราเลือกแล้วจะถอยก็ไม่ได้ สู้โว้ย!!


ทุกคนอาจสงสัยในเมื่อย้ายมาอยู่กับแฟนแล้วทำไมต้องห่วงเรื่องค่าเช่าบ้าน ค่าใช้จ่าย ถึงเราจะมีแฟนฝรั่ง มันก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าต้องมาดูแลเรา วิณัชชายิ่งห่วงอนาคตเค้ามากกว่าว่าเค้าจะไปกับเรารอดไหม อายุก็พึ่ง 26-27 ปี แค่เค้าลองมาอยู่กับเรา แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอ และเราก็ไม่อยากให้เค้าใช้เงินเก็บที่เค้ามีด้วย ในเมื่อเราชวนเค้ามาอยู่เราก็จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในช่วงเดือนแรกๆ เอง แต่เราก็มีบอกกับเค้านะว่าให้ลองหางานทำ หรือลองดูว่ามีโอกาสอยากจะลองทำกิจการเล็กๆ อะไรไหม ก็ให้เวลาเค้าในการตัดสินใจ ส่วนเราก็มุ่งหน้าหาเงินเอาตัวรอดให้ได้ก่อน ถ้ามัวมานั่งห่วงกัน ก็คงไปไม่รอดแน่ๆ อีกอย่างเป็นพวกใจถึงพึ่งได้ ไม่มานั่งแบ่งว่านี้เป็นหน้าที่ผู้ชายหรือผู้หญิงในการหาเงินเข้าบ้าน ในเมื่อลงเรือลำเดียวกันก็ต้องช่วยกัน


เมื่อได้งานทำแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราต้องพิสูจน์ตัวเองว่าเรามีดีจริงไหม ไม่ใช่แค่คิดว่าเราอาจจะเก่ง แต่เราก็ต้องเก่งจริงๆ ความยากไม่ใช่เรื่องภาษาอังกฤษ แต่ความยากคือ การต้องทำงานกับแรงงานต่างด้าวบนเกาะพะงัน พนักงานส่วนมากจะเป็นคนพม่า ซึ่งเราไม่เคยทำงานด้วยเลย ก็จะมีปัญหาเรื่องการสื่อสาร แต่เชื่อไหม ไปๆ มาๆ คนที่ทำงานยากที่สุด คือ คนไทย ด้วยกันเองนี้แหละ 555


วิณัชชาว่าการที่เราเป็นคนทำงานเก่ง ยังไม่เท่ากับการเป็นคนมีมารยาทที่สุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตัว มีเมตตาและมีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ตรงนี้แหละที่จะทำให้เราทำงานง่ายขึ้น เพราะใช้สิ่งเหล่านี้ทำให้น้องๆ พม่า เชื่อฟังและทำตามที่เราบอก ถึงจะเจอคนดื้อขนาดไหน แต่เค้าเจอเราเค้าจะค่อนข้างเชื่อฟัง เพราะเราให้เกียรติเค้าพูดจากับเค้าเหมือนเค้าก็เป็นพนักงานคนหนึ่ง เป็นคนเหมือนกันกับเรา ดังนั้นเรื่องน้อง ๆ เด็กพม่าสบายมากค่ะ :)


แต่กับคนไทยนี้ซิ Oh My God มันไม่ได้ยากในเรื่องการทำงานนะ แต่มันยากตรงการสื่อสารทั้งที่พูดภาษาเดียวกัน เค้าเรียกว่าอยากลองเชิงเราหละมั้ง เด็กใหม่จะเจ๋งแค่ไหนอะไรประมาณนั้น และด้วยภาพลักษณ์เราที่มีแฟนฝรั่งมั้งและก็เป็นคนต่างถิ่น เค้าก็คงจะคิดว่าเราเป็นพวกไม่จริงจังในเรื่องการทำงาน แต่ขอโทษนะคะ คนอย่างวิณัชชาทำงานคือทำงานค่ะ จะอยู่เกาะอยู่บนฝั่งอยู่บนดาวอังคาร ถ้าทำงานแลกเงินเดือนก็คือต้องทำงานอย่างเต็มที่ค่ะ


ช่วงเดือนแรกๆ ก็วุ่นวายค่ะ ดราม่าไม่จบไม่สิ้น คือมันเป็นดราม่าแบบละครช่อง 7 มันไม่มีปมซับซ้อน มันโชว์ให้เห็นเลยว่าฉันไม่ชอบหน้าเธอ ฉันไม่อยากทำงานกับเธอ แต่หาคำตอบที่สมเหตุสมผลไม่มีหรอกค่ะว่าทำไมไม่ชอบเราทั้งที่พึ่งเคยเห็นกัน เค้าคงอยากจะดูว่าวิณัชชาจะทนได้ไหม


โอ๊ย แล้วไงใครแคร์ คนอย่างเราจะมาสนใจแค่เรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งไปทำไหม เดินทางมาก็ไกลจะมายอมให้คนแบบนี้นะหรอ ฝันไปเถอะ เราก็เอาการทำงานให้ถูกต้องสมบูรณ์ฟาดหน้ากลับไปซิ ทำงานโรงแรมมันดีอย่าง เราสามารถติดตามผลงานเราได้เลยว่า เราทำงานดี หรือ ห่วยแตก ก็เช็คจากลูกค้าซิคะ สมัย 10 กว่าปีที่แล้ว TripAdvisor เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมในการเขียนรีวิวของลูกค้า เชื่อไหมว่าช่วงที่วิณัชชาไปทำงานโรงแรมแห่งหนึ่งบนเกาะพะงัน จะบอกว่าทุกรีวิวต้องมีชื่อวิณัชชานะคะ ไม่ใช่ชมธรรมดานะ ชมขนาดที่ ทำให้ลูกค้าที่อ่านรีวิวบอกว่าที่มาพักโรงแรมนี้เพราะอยากมาเจอว่าเธอคือใคร ทำไมมีแต่คนชมชอบเธอ จะไม่ชอบได้ไงหละคะ ก็เรามันมีลูกบ้าเยอะ ฝรั่งนะคะ ถ้าเราพูดกับเค้าได้รู้เรื่อง สามารถแลกเปลี่ยนทัศนคติความคิดเห็น ไม่ใช่เอาแต่ขายทัวร์ คุยแต่เรื่องลมฟ้าอากาศ หรือเรื่องทั่วๆ ไป มันไม่พอที่จะมัดใจเค้าได้มากนัก ถ้าเราสามารถแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมความคิดกับเค้าได้ เค้าก็อยากจะคุยกับเรา ยิ่งเรามีใจรักบริการ แถมเป็นคนตลก มีลูกล่อลูกชน เล่นมุกขำบ้างไม่ขำบ้าง เค้าก็ประทับใจเรามากแล้วค่ะ และที่สำคัญเราจะดูแลลูกค้าทุกคน ไม่มีการแบ่งว่าผู้ชายหรือผู้หญิง แต่เราต้องมีมารยาทและกาละเทศะกับลูกค้า สุภาพแต่เข้าถึงได้ และไม่ทำตัวสนิมสนมกับลูกค้าจนเกินไป


สิ่งที่ทำให้วิณัชชาประทับใจและขอบคุณลูกค้าจนถึงทุกวันนี้ เพราะลูกค้ามักจะถามว่าเราเป็นเจ้าของโรงแรมหรอ เรานี้แทบจะก้มลงกราบ บอกลูกค้าไปว่า ฉันไม่ได้รวยและไม่มีเงินขนาดนั้นหรอก ก็เป็นลูกจ้างทำงานให้เค้านี้แหละ ลูกค้าบอกว่าเธอมีหัวใจผู้ประกอบการเลยนะ เธอดูแลทุกคนเหมือนธุรกิจนี้เป็นของเธอเลย ลูกค้าบอกว่าเจ้านายเธอโชคดีนะที่มีลูกน้องแบบนี้ เราได้ยินก็ยิ้มปลื้มปริ่ม เพราะเราเป็นคนแบบนี้จริงๆ ทำงานให้ใครก็ไม่เคยคิดว่า ทำให้เค้ามากเราก็ไม่ได้รวยขึ้น เค้าก็ไม่ได้แบ่งกำไรให้เรา ไม่เคยมีในหัวสมอง มีแต่คิดว่ายิ่งเราทำงานมากๆ เราก็มีประสบการณ์มากขึ้น มีอาวุธติดตัวไปทุกที่ จะย้ายไปไหนก็ไม่ลำบาก


แต่ก็นะ ชีวิตคนเรานะคะ ดวงจะได้มาเป็นผู้ประกอบการ ดวงจะได้มาเป็นเจ้าของ และเรารอมันมาตลอด เพียงแต่เรายังไม่รู้ว่าโอกาสนั้นมันจะมาเมื่อไหร่แต่เราก็เตรียมตัวเองให้พร้อมเสมอ เมื่อโอกาสมันมาถึงเราก็คว้าไว้ และแล้วประตูแห่งดวงชะตาก็เปิดขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องธุรกิจแต่ก็ยังมีเรื่องหัวใจเข้ามาด้วย มันช่างอิรุงตุงนัง แบบว่าวิณัชชาสวยมาก สวยตะโกนเวอร์ รอติดตามกันนะคะ





ree


 
 
 

Comments


bottom of page